สวัสดีค่า ขอภัยที่ห่างหายไปนาน พอดีติดสอบและติดทำรายงาน เมื่อวานเพิ่งส่งรายงานตัวสุดท้ายไป โล่งเลยยยย จากนี้ไปจะอัพเรื่อย ๆ ค่า (แหงอยู่แล้ว เพราะเดดไลน์บล็อกคือวันมะรืนนี้ ถถถถถ)
วันนี้เราก็จะมารีวิว
空想作文 ของเราว่ามีจุดไหนที่ต้องแก้บ้าง แก้อย่างไร ก็หวังว่าเพื่อน ๆ
จะได้เรียนรู้ความผิดพลาดของเราและไม่ผิดเหมือนเราเนอะ
งั้นมาดู 空想作文 ของเรากัน
(บล็อกครั้งนี้ยาวหน่อยนะคะ ;__;)
*สีชมพูคือ ผิดด้านไวยากรณ์ผิด
*สีฟ้าคือ ผิดด้านความหมาย (ใช้คำผิด
หรือขาดบางคำที่ทำให้ความหมายไม่สมบูรณ์)
*สีเขียวคือ สะกดผิด
…………………………………………………………………………………………………
6時のエレベターの女
僕は未来が見える。
どうして僕は未来が見えるのか、自分にも答えられない。ただこれは生まれつきの才能だとわかる。今まで生きてきた24歳の会社員の僕は二つの未来が見える。一つ目は、物事の未来だ。例えば、この新商品を販売したら、たくさん売れそうか、お客さんの反応はどうなるかということ等がわかる。
もう一つの未来は、人の未来だ。初めて会った人に対しても、その人の未来が頭に浮かんでくる。つまり、僕は人に会ったたび、人の未来が見える。
この才能のおかげで、大体の未来が見通せ、何をしても完璧で優秀だ。2年前に入社したが、企業の売り上げを3倍伸ばせられ、早く昇進させもらった。僕の能力を認めてくれる人はいるが、僕に仕事と役職を奪われたりすると僕を恨んでいる人はいる。僕はそんなつもりではなかったが、人にどう思われるか気にしないから、何もしなかった。
でも、最近、僕は誰かにずっと見られているような感じがした。
ある日、午後6時に僕は仕事を終え、帰ろうとした。しかし、会社を出たときに、忘れ物があると気づいた。オフィスは20階にあるから、エレベターに乗ることにした。一人でエレベターに乗っている僕が嫌な予感がした。エレベターが徐々に上がり、5階に止まった。ドアが開いたとたん、僕の前に現れた人は20代の女の人だった。女の人が僕と顔を合わせず入ってきて、24階のボタンを押し、僕の前に立っていた。ずっと誰も言わなかった。でも、僕は床に落ちているハンカチに気づいた。最初にエレベターに入ったときになかったはずだから、きっと彼女のハンカチに違いない。
「すみません、これが落ちていますけど…」僕は声をかけた。彼女はそれを聞くと、後ろに振り向き、やっと顔を合わせた。彼女は美人だけど、今まで会った人と違ったことがある。
僕が彼女の未来が見えないのだ。
僕は彼女の顔をわざと見つめたが、未来がどうしても出てこなかった。今回初めて人の未来が見えなかった。
「あ、すみません」彼女は僕の手の上にあるハンカチを取り、喜んでくれた。彼女の笑顔はとても素敵だが、ハンカチを渡したときに、彼女の手がとても冷たい感じがした。
エレベターが20階に止まった。僕が下りろうとした。
「また明日」彼女が言った。僕は後ろに振り向くと、彼女の笑顔が見えた。
僕は返事をせず、ただ少し笑顔を返した。
どうして彼女は明日会えると言い切れるだろう。
それに、今24階で全部のオフィスが修復されており、誰もいないから、どうしてこのような時に24階に行くだろうと疑問を抱きながら、オフィスに戻っていった。
……………
翌日、僕は帰るときにまた忘れ物があった。6時にエレベターに乗り、20階のオフィスに戻ろうとした。しかし、エレベターは昨日と同じようにまた5階に止まった。ドアが開けたとたん、エレベターの前にあの女の人が立っていた。僕は彼女の顔を合わせた。
まだ彼女の未来が見えない。
「こんばんは」女の人が先に挨拶をし、エレベターに入ってきて、24階のボタンを押した。誰も言わなかった。黙っていた間に、僕はまた落ちているものが見えた。でも、今回は財布だ。
「すみません、これ、落ちていますけど…」
「あ、すみません。」財布を渡したときに、また彼女の手の冷たさを感じた。
「いつも落とし物に取ってくれて、ありがとうございます。その代わりに見せたいものがあります。良かったら、一緒に来てくれませんか。」彼女が笑顔で誘ってくれた。彼女の笑顔は誰のより素敵だ。
エレベターは20階に止まり、ドアが開いた。どうしたらいいか考えていたが、結局、僕が閉まるボタンを押した。
エレベターは徐々に上がった。あと10秒くらい24階に着くけど、最近起こったことを思い出した。
彼女は24階に行く。24階に誰もいない。どうしてこんな時間に行く?どうして彼女の手がいつも冷たい?どうして彼女の未来が見えない?どうして「また明日」って言いきれる?どうして最近見られているような感じする?
僕がよく考えてみると、身体が震えた。
エレベターが24階に止まり、ドアが開いた。真っ暗な部屋だった。彼女は僕の先に歩いていった。
「ご、ごめんなさい。用事がありますので、先にか、帰ります。感謝の気持ちは僕がもういただきました。では。」僕がすぐ閉まりのボタンを押した。
ドアが5センチしか開いていない瞬間に、彼女は「チッ」と声を出し、先まで素敵な笑顔は突然怒った表情に変化し、赤い目で僕を見ていた。
僕は怖くたまらなく、直接家に帰った。
……………
翌日会社に普通に戻った。当会社のある会社員が4日間前に亡くなったニュースがあった。今朝、みんなはこの話をしていた。
「鈴木さんを知らない?24階のオフィスにいた女の人。まだ若いだけど、もう亡くなったなんて信じられないね。なんか誰かに仕事と職位を奪われて、体調が悪くなって病院したらしい。可哀そうね。」
僕は同僚に見せてもらったあの会社員の写真を見た。
翌日、僕は仕事を辞めた。
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
จากที่สังเกตดู
เรามีจุดผิดคือ
· ไวยากรณ์ 13 จุด
(คำช่วย 7 จุด, แพทเทิร์นไวยากรณ์ 4 จุด, คำเชื่อม
2 จุด, การผันกริยา
1 จุด, )
· ความหมาย 8
จุด
· สะกดคำผิด 1 คำ
(エレベター → エレベー ター)
การแก้ไข
ด้านไวยากรณ์
-
เป็นจุดที่เราผิดเยอะที่สุด โดยเฉพาะคำช่วยที่เป็นจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ
(ตอนทำเสร็จ เช็คผ่านๆ รีบส่ง ผลเลยออกมาเป็นแบบนี้5555) แพทเทิร์นไวยากรณ์รองลงมา ต่อมาคือคำเชื่อม
และสุดท้ายคือการผันกริยา
1.
คำช่วย
1.1) 僕の能力を認めてくれる人はいるが、僕に仕事と役職を奪われたりすると僕を恨んでいる人はもいる。
ตอนแรกเรานึกถึงเรื่องการเปรียบเทียบ 2 ประโยค เลยใช้ は ทั้งประโยคหน้าและประโยคหลัง แต่พอมาคิดดูอีกที เออ
อย่างที่คุณยามาดะแก้ให้ ตรง は ข้างหลังก็ควรเป็น もแหละ เพราะเราต้องการจะบอกว่า มีคนที่ยอมรับในความสามารถของผมก็จริง
แต่ก็มีคนที่โกรธแค้นเพราะคิดว่าผมไปแย่งงานเขาเหมือนกัน
1.2)(前略)一人でエレベーターに乗っている僕がは嫌な予感がした。
บล็อกครั้งก่อนก็เคยเขียนเรื่อง は が แต่ก็ดันผิดอีก 5555 ตรงนี้ต้องใช้ は เพราะว่า 「僕」คนนี้ไม่ได้ถูกพูดถึงครั้งแรก มีการแนะนำให้รู้จักกับ 「僕」คนนี้ไว้ในย่อหน้าแรก ๆ แล้ว และคนอ่านก็รู้จักเขาแล้วด้วย
จึงต้องใช้ は
1.3) 僕は彼女のと顔を合わせた。
ที่จริงตอนนั้นน่าจะพิมพ์ด้วยความเบลอ
เลยเผลอพิมพ์เป็น の แทน และด้วย sense ภาษาไทยคือ “มองหน้าเธอ” หน้าเธอกลายเป็นหนึ่งคำ
เลยเผลอเขียนเป็น 彼女の顔 แทน
แต่ถ้าต้องอธิบายว่าทำไมถึงต้องเป็น とไม่ใช่ の นั้น อาจจะเป็นเพราะ คนญี่ปุ่นมองว่า 顔を合わせる เป็น*สำนวนที่สมบูรณ์ในตัวมันเอง
ไม่จำเป็นต้องใส่ว่า “เป็นหน้าของใคร” และที่ใช้ と เพราะว่า 顔を合わせた หมายความว่าทั้งสองคนต้องหันหน้ามามองกัน
ไม่ใช่แค่ใครคนหนึ่งมองหน้าอีกฝ่าย
*ในภาษาอังกฤษก็มีสำนวน เช่น she lost face (เธอเสียหน้า) ไม่ต้องมีคำว่า her
ยกเว้นคำว่า she shook her head มีคำว่า
her ได้ (ขอบคุณวิชา Translation: TH-EN I)
1.4) いつも落とし物にを取ってくれて、ありがとうございます。
อันนี้ก็เกิดจาดความเบลอเช่นกัน (อะไรจะเบลอขนาดนั้น)
อย่างที่ทุกคนรู้อยู่แล้วเนอะว่าにชี้กรรมรอง をชี้กรรมตรง ในกรณีนี้ ของที่ตกเป็นกรรมตรงก็ต้องใช้ を
1.5)エレベーターは徐々に上がった。あと10秒くらいで24階に着くけど、(後略)
ข้อนี้ต้องมีคำว่า で เพราะ で บอกจำนวนของ “คน เวลา ราคา” ที่ใช้ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ (จากหนังสือ “คำช่วย ช่วยด้วย![ฉบับปรับปรุง]”)
เช่นこの建物は20人で3ヶ月でできました。
อาคารหลังนี้สร้างเสร็จในเวลา 3 เดือน โดยใช้คน 20 คนครับ
このコンピューターは2万バーツで買いました。
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ซื้อมาในราคา 2 หมื่นบาทค่ะ
1.6) 彼女は24階に行く。24階には誰もいない。どうしてこんな時間に行く?
ตอนเขียนประโยคนี้เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มีใครอยู่ที่ไหน เราก็ใช้にคำเดียวจบ แต่เราลืมไปว่า เรายก 24階เป็น topic
อยู่ว่า “ชั้นที่ 24 เนี่ย
ไม่มีคนเลย” เลยควรเติม は ไปด้วย
จากนี้ไปเวลาเขียนก็ต้องคิดมากขึ้น 555
1.7) 僕がはよく考えてみると、身体が震えた。
อันนี้ผิดเหมือนกับข้อที่ 1.2.2 เลย เพราะว่า 「僕」เคยพูดถึงไปแล้ว จึงใช้ は ไม่ใช้ が
2.
แพทเทิร์นไวยากรณ์
2.1) つまり、僕は人に会ったたび会うたび、人の未来が見える。
ตอนแรกที่เราใช้กริยารูปอดีต
เพราะเรานึกไปว่าเราเล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว แต่จริง ๆ แล้วไวยากรณ์ たび ต้องใช้ V.dict รูปปัจจุบัน
จริงๆ มันก็ make sense นะ
เพราะความหมายของงไวยากรณ์นี้คือ “พอทำ…ทุกครั้งก็จะ…เสมอ” ไม่ว่าจะทำครั้งไหน
ผลลัพธ์ก็ออกมาแบบนั้นเสมอ เลยใช้กริยารูปอดีตไม่ได้
2.2) 黙っていた黙っている間に、僕はまた落ちているものが見えた。
สาเหตุที่เราเผลอใช้กริยารูปอดีตเหมือนกับข้อที่แล้วเลย จริงๆ
แล้วไวยากรณ์นี้มีวิธีใช้แบบนี้
ถ้าข้างหน้าเป็นกริยา ก็ใช้กริยาได้แค่ V.ている หรือ V.るจะใช้กริยารูปอดีตไม่ได้
2.3) ドアが開けた開いたとたん、エレベーターの前にあの女の人が立っていた。
อันนี้เป็นความสะเพร่าของเรา
พิมพ์ด้วยความเร็วสูง 555 ลืมไปว่า
ประโยคนี้ต้องการอกรรมกริยา เพราะประธานคือประตู ประตูเปิดเองโดยธรรมชาติ
2.4) あと10秒くらい24階に着くけど、最近起こったことを思い出した思い出していた。
อาจารย์บอกว่าข้อนี้ผิดด้าน aspect ต้องแก้เป็น 思い出していたแต่เราก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่
ถถถถ
3.
คำเชื่อม
3.1) 誰もいないからのに、どうしてこのような時に24階に行くだろうと疑問を抱きながら、オフィスに戻っていった。
まだ若いだけどのに、もう亡くなったなんて信じられないね。
ทั้งสองประโยคนี้
ยามาดะซังแก้ให้เป็น のに เราก็เลยสงสัยว่าทำไม
のに ถึงดีกว่า เลยไปลองหาวิธีการใช้มา (เราอ่านมาจากชีทวิชา Translation TH-JP)
ปรากฎว่า のに、なのに、それなのに มีวิธีการใช้คือ
· ใช้ตอนที่สิ่งที่เกิดขึ้นต่างจากสิ่งที่เราคาดคิดไว้ และเราก็รู้สึกตกใจ
ไม่พอใจ ฯลฯ กับสิ่งที่นั้น
〇精一杯勉強した。それなのに、試験に合格できなかった。
· ประโยคข้างหลังต้องเป็น 現実 ไม่ได้แสดงคำสั่ง ความตั้งใจ หรือการประเมินตัดสินของผู้พูด
×精一杯勉強した。それなのに、合格できないだろう。(การประเมินตัดสิน)
×精一杯勉強した。それなのに、もうやめよう。(ความตั้งใจ)
4. การผันคำกริยา
4.1) エレベーターが20階に止まった。僕が下りろう下りようとした。
อันนี้ก็เป็นくせของเราเอง แหะๆ ต้องจำไว้ว่า 下りるเป็นกริยากลุ่มสอง ตัด る แล้วเติม よう ได้เลย
................(จบด้านไวยากรณ์)......................
ด้านความหมาย
1. 僕は彼女の顔をわざとじっと見つめたが、未来がどうしても出てこなかった。
ยามาดะซังแก้ให้เป็น
じっと เราก็ไปดูคำว่า じっとในพจนานุกรม 新明解 มา じっとแปลว่า สภาพที่เราอยู่นิ่ง ๆ ไม่ขยับไปไหน เพราะเรากำลังมีสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หรือเรากำลังรอดูให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง และพบว่า じっと見つめる ก็เป็นคำที่มาควบคู่กัน
2.
どうして彼女は明日会えると言い切れるのだろう。
それに、今24階で全部のオフィスが修復されており、誰もいないのに、どうしてこのような時に24階に行くのだろうと疑問を抱きながら、オフィスに戻っていった。
ข้อนี้ ถ้าไม่ใส่คำว่า の มันก็จะขาดความหมายแสดงความสงสัยนิดหน่อย
ถ้าใส่แล้วก็จะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
3.
翌日、僕は帰るときにまた忘れ物があったをした。
ข้อนี้ ที่คุณยามาดะซังแก้เป็น 忘れ物をしたแทนน่าจะเป็นเพราะต้องการเน้น action ว่าผู้ชายดันลืมของเอง
มากกว่าจะบอกว่า มีของลืมไว้ที่…
4. 「こんばんは」女の人が先に挨拶をし、エレベーターに入ってきて、24階のボタンを押した。誰も何も言わなかった。
จริง ๆ แล้วเราต้องการจะอธิบายว่า
“หลังจากที่ผู้หญิงเข้ามาในลิฟต์ก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย”
แต่คิดว่าที่ยามาดะซังแก้เป็น 何もให้
อาจจะเป็นเพราะ ยังเป็นการเล่าจากมุมมองตัวผู้ชายว่า เออ
ผู้หญิงเข้ามาก็ไม่พูดอะไร และประโยคข้างหน้า ประธานก็เป็นผู้หญิงด้วย เลยใช้ 何もน่าจะดีกว่า
5.
いつも落とし物を取ってくれて拾ってくれて、ありがとうございます。
ในกรณีนี้ควรใช้คำว่า 拾う เพราะว่า 拾う คือการเก็บของที่ตกจากพื้นขึ้นมา
ความหมายของคำนี้จะเข้ากับประโยคนี้มากกว่า
6.
彼女の笑顔は誰のものより素敵だ。
ข้อนี้
เราคิดว่าใส่แค่ の ก็น่าจะแทน
誰の笑顔 ได้หมดข้อนี้
แต่ยามาดะซังก็เพิ่มคำว่า ものมาให้
แสดงว่าคงแทนไม่หมด หรือถ้าใส่แล้วความหมายจะสมบูรณ์ขึ้น
7.
閉まり閉まるのボタン
ข้อนี้ เราก็ไม่รู้มาก่อนจริงๆว่า
คนญี่ปุ่นเรียกปุ่มปิดลิฟต์ว่ายังไง ตอนนั้นคิดว่า 閉まるのボタンคงแปลกๆเพราะ
閉まるเป็นคำกริยา
แต่ยามาดะซังก็แก้เป็นคำนี้มาให้ เออ คนญี่ปุ่นคงเรียกแบบนี้แหละมั้ง
เพราะในลิฟต์ญี่ปุ่นก็เขียนคำว่า “閉まる” เลย
................(จบด้านความหมาย)......................
ด้านการสะกดคำ
1. エレベター
เราสะกดผิดแค่คำเดียว แต่เป็นคำที่ปรากฎใน 作文 ทั้งหมด 13ครั้ง 5555 โผล่เต็ม作文เลยจ้า คงจำไปอีกนานเลยว่า エレベーター มีขีดเสียงยาว 2 ที่
หลังจากที่เราวิเคราะห์แล้ว เราก็จะมาลองแก้ 作文ของเราอีกครั้ง
................(จบด้านการสะกดคำ)......................
空想作文 ที่แก้ไขแล้ว
6時のエレベターエレベーターの女
僕は未来が見える。
どうして僕は未来が見えるのか、自分にも答えられない。ただこれは生まれつきの才能だとわかる。今まで生きてきた24歳の会社員の僕は二つの未来が見える。一つ目は、物事の未来だ。例えば、この新商品を販売したら、たくさん売れそうか、お客さんの反応はどうなるかということ等がわかる。
もう一つの未来は、人の未来だ。初めて会った人に対しても、その人の未来が頭に浮かんでくる。つまり、僕は人に会ったたび会うたび、人の未来が見える。
この才能のおかげで、大体の未来が見通せ、何をしても完璧で優秀だ。2年前に入社したが、企業の売り上げを3倍伸ばせられ、早く昇進させもらった。僕の能力を認めてくれる人はいるが、僕に仕事と役職を奪われたりすると僕を恨んでいる人はもいる。僕はそんなつもりではなかったが、人にどう思われるか気にしないから、何もしなかった。
でも、最近、僕は誰かにずっと見られているような感じがした。
ある日、午後6時に僕は仕事を終え、帰ろうとした。しかし、会社を出たときに、忘れ物があると気づいた。オフィスは20階にあるから、エレベターエレベーターに乗ることにした。一人でエレベターエレベーターに乗っている僕がは嫌な予感がした。エレベターエレベーターが徐々に上がり、5階に止まった。ドアが開いたとたん、僕の前に現れた人は20代の女の人だった。女の人が僕と顔を合わせず入ってきて、24階のボタンを押し、僕の前に立っていた。ずっと誰も言わなかった。でも、僕は床に落ちているハンカチに気づいた。最初にエレベターエレベーターに入ったときになかったはずだから、きっと彼女のハンカチに違いない。
「すみません、これが落ちていますけど…」僕は声をかけた。彼女はそれを聞くと、後ろに振り向き、やっと顔を合わせた。彼女は美人だけど、今まで会った人と違ったことがある。
僕が彼女の未来が見えないのだ。
僕は彼女の顔をわざとじっと見つめたが、未来がどうしても出てこなかった。今回初めて人の未来が見えなかった。
「あ、すみません」彼女は僕の手の上にあるハンカチを取り、喜んでくれた。彼女の笑顔はとても素敵だが、ハンカチを渡したときに、彼女の手がとても冷たい感じがした。
「また明日」彼女が言った。僕は後ろに振り向くと、彼女の笑顔が見えた。
僕は返事をせず、ただ少し笑顔を返した。
どうして彼女は明日会えると言い切れるのだろう。
それに、今24階で全部のオフィスが修復されており、誰もいないからのに、どうしてこのような時に24階に行くのだろうと疑問を抱きながら、オフィスに戻っていった。
……………
翌日、僕は帰るときにまた忘れ物があったをした。6時にエレベターエレベーターに乗り、20階のオフィスに戻ろうとした。しかし、エレベターエレベーターは昨日と同じようにまた5階に止まった。ドアが開けたドアが開いたとたん、エレベターエレベーターの前にあの女の人が立っていた。僕は彼女のと顔を合わせた。
まだ彼女の未来が見えない。
「こんばんは」女の人が先に挨拶をし、エレベターエレベーターに入ってきて、24階のボタンを押した。誰も何も言わなかった。黙っていた間に黙っている間に、僕はまた落ちているものが見えた。でも、今回は財布だ。
「すみません、これ、落ちていますけど…」
「あ、すみません。」財布を渡したときに、また彼女の手の冷たさを感じた。
「いつも落とし物にを取ってくれて拾ってくれて、ありがとうございます。その代わりに見せたいものがあります。良かったら、一緒に来てくれませんか。」彼女が笑顔で誘ってくれた。彼女の笑顔は誰のものより素敵だ。
彼女は24階に行く。24階には誰もいない。どうしてこんな時間に行く?どうして彼女の手がいつも冷たい?どうして彼女の未来が見えない?どうして「また明日」って言いきれる?どうして最近見られているような感じする?
僕がはよく考えてみると、身体が震えた。
「ご、ごめんなさい。用事がありますので、先にか、帰ります。感謝の気持ちは僕がもういただきました。では。」僕がすぐ閉まりのボタン閉まるのボタンを押した。
ドアが5センチしか開いていない瞬間に、彼女は「チッ」と声を出し、先まで素敵な笑顔は突然怒った表情に変化し、赤い目で僕を見ていた。
僕は怖くたまらなく、直接家に帰った。
……………
翌日会社に普通に戻った。当会社のある会社員が4日間前に亡くなったニュースがあった。今朝、みんなはこの話をしていた。
「鈴木さんを知らない?24階のオフィスにいた女の人。まだ若いだけどのに、もう亡くなったなんて信じられないね。なんか誰かに仕事と職位を奪われて、体調が悪くなって病院したらしい。可哀そうね。」
僕は同僚に見せてもらったあの会社員の写真を見た。
翌日、僕は仕事を辞めた。
…………………………………………………………………………………………………
สรุปสิ่งที่เราผิดพลาด
· ไวยากรณ์ 13 จุด -> ผิดคำช่วย แพทเทิร์นไวยากรณ์ คำเชื่อม การผันคำกริยา
· ความหมาย 8 จุด
· การสะกดคำ 1 จุด
จุดที่เราอ่อนน่าจะเป็น
“ไวยากรณ์”
โดยเฉพาะเรื่องคำช่วย เพราะฉะนั้น ครั้งหน้าต้องเช็คให้มากขึ้น
มีความละเอียดมากขึ้น!
ขอโทษที่เขียนยืดยาวนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ :)
Hallo!
ReplyDeleteอธิบายวิธีการใช้ไวยากรณ์ได้ละเอียดและเข้าใจง่ายมาก ๆ เลยฮะ SBRS! 流石先輩!!
อ่านแล้วรู้สึกเก็ทมาก ๆ และสามารถนำไปใช้ได้เลย แถมมีวิธีการใช้แบบครบทุกฟอร์มด้วย ทั้งคำนาม กริยา คุณศัพท์
/ปลื้มปริ่ม
หลายสำนวนหมูดุดก็เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ไว้มีโอกาสจะลองนำไปใช้ดูบ้างนะฮะ
ขอบคุณมากฮะะ
ปล. รูปประกอบน่ารักก
ขอบคุณมากๆนะคะน้องหมูดุด ดีใจที่น้องเก็ท ^^ เอาสำนวนไปใช่ได้เลยย เต็มที่ฮับ // เห็นคำนี้ 流石先輩 ครั้งแรกก็งง มันเป็นใคร 5555 เพิ่งเห็นคันจิของ さすが ครั้งแรก
Deleteเข้าใจว่าตรง最近起こったことを思い出したที่ต้องเป็น思い出していたเพราะเป็นการบอกสภาพที่หลงเหลือหลังจากการนึกออกอ่ะ ถ้าใช้思い出したมันจะสื่อว่าตอนที่บรรยายคือวินาทีที่นึกออกอ่ะ(งงมั้ย 555)
ReplyDeleteอ๋าาา มันคือสภาพที่หลงเหลือจากการนึกออกนี่เอง ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อนจริงๆ 5555 (ใน 5555 มีน้ำตาซ่อนอยู่)
Deleteเขียน 内省 ของตนเองได้ละเอียดมากๆๆๆๆๆ ขอแสดงความชื่นชม
ReplyDeleteขอบคุณมากๆนะคะอาจารย์ ดีใจจ ชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้ายแล้ว หนูเลยพยายามเขียนละเอียดหน่อย แหะ ๆ ^^
Delete